ประโยชน์ของการถมดิน
ป้องกันปัญหาเรื่องน้ำท่วมและน้ำจากบริเวณโดยรอบเข้าสู่พื้นที่ของเราได้โดยง่าย
ทำให้การยกระดับของถนนหรือที่ดินข้างเคียงในอนาคตไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่บ้านมาก
ทำให้บ้านดูโดดเด่น
ข้อควรพิจารณาในการถมดิน
ก่อนการถมดินควรมีการเอาเศษขยะ เศษใบไม้ ต้นไม้ หรือน้ำที่ขัง ออกจากพื้นที่ให้หมด เนื่องจากเป็นอุปสรรคในการบดอัดดินให้แน่น
ดินที่ใช้ถมควรเป็นดินที่แห้ง โดยดินที่มาจากการเจาะเสาเข็มแล้วเอาดินมาทิ้งซึ่งจะเป็นดินเลน ไม่เหมาะกับ การนำมาถมที่ เพราะเมื่อปล่อยให้ดินยุบตัวลงจะเกิดการทรุดตัวมาก (ถ้าจะใช้ต้องตากดินให้แห้งเป็นเวลานานก่อน)
ทุกระยะที่ถมดิน 50 เซนติเมตร ต้องบดอัดหน้าดินให้แน่นด้วยรถบด แล้วจึงถมดินในชั้นต่อไป
ใช้ทรายถมดินในบริเวณที่เป็นหลุมหรือบ่อ เพราะทรายละเอียดสามารถแทรกในช่องว่างต่างๆได้ง่าย
การถมที่ดินบริเวณถนน อาจใช้ดินลูกรังถมพร้อมกับการบดอัดที่ผิวหน้า ที่ระดับประมาณ 30 ถึง 50 เซนติเมตร เพราะจะมีการทรุดตัวน้อย แต่ข้อเสียคือดินลูกรังปลูกต้นไม้ได้ยาก
การถมที่ในบริเวณจัดสวนหรือปลูกต้นไม้ ควรถมด้วยหน้าดินเนื่องจากมีคุณสมบัติเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืช
ช่วงเวลาในการถมดิน
ไม่ควรถมดินในฤดูฝน เพราะทำการบดอัดดินให้แน่นได้ลำบาก
การถมดินในสภาพแวดล้อมต่างๆ
บริเวณใกล้คูคลอง แก้ปัญหาการพังทลายของดินด้วยการทำระยะลาดลงสู่คูคลอง ประมาณ 30-40 องศา แล้วถมด้วยหินภูเขา และกรอกปูนในช่องระหว่างหินทุกร่อง เพื่อให้หินแข็งแรงมากนัก หรือทำกำแพงกันดินทลายที่เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก (ควรต้องมีวิศวกรช่วยดูแลในส่วนนี้)
กรณีที่ข้างเคียงเป็นที่โล่ง ดินที่ถมจะไม่มีที่พิงอาจต้องทำเขื่อนกันดินไหลด้วยเข็มไม้สน หรือกำแพงคอนกรีตเสริมเหล็ก หรือต้องทำดินเป็นแนวลาดชัน ล้ำเข้ามาในที่ของเราเอง
ถมดินให้สูงกว่าถนน,เพื่อนบ้านข้างเคียงหรือระดับที่ต้องการเล็กน้อย ประมาณ 30 เซนติเมตร เนื่องจากดินที่ถมจะมีการทรุดตัวลงในเวลาต่อมา (ควรตรวจสอบถนนบริเวณบ้านว่าจะมีแผนการปรับถนนขึ้นอีกหรือไม่ และจะปรับขึ้นสูงเท่าใด เพื่อกำหนดระยะความสูงดินถมของเรา )
#การถมดิน
Comments